UFABETWINS ทำไมไม่เป่าแฮนด์บอล ? นี่คือคำถามของแฟนฟุตบอลอังกฤษหรือใครก็ตามที่สงสัยว่าทำไมลูกยิง “แฮนด์ ออฟ ก็อด” ของ ดิเอโก้ มาราโดน่า จึงได้กลายเป็นลูกยิงประวัติศาสตร์
มาราโดน่า เคยบอกแล้วว่าทำไม ? ฝั่งอังกฤษเคยบอกแล้วว่าพวกเขาคิดเช่นไร ? และนี่คือมุมมองใหม่ที่ใครหลายคนไม่เคยได้รู้มาก่อน เรื่องเล่าโดย อาลี บิน นาสเซอร์ กรรมการในเกมนั้นผู้เป็น 1 ในหน้าประวัติศาตร์ฟุตบอลโลก อะไรดลจิตดลใจให้เขาปล่อยผ่านให้เป็นประตูกับ มาราโดน่า และอะไรที่ทำให้เขาไม่ได้รู้สึกผิดแต่กลับ “ภูมิใจ” กับสิ่งที่ได้ทำ ? ติดตามได้ที่นี่ เขามาเป่าเกมนี้ได้ไง ? ความผิดพลาดของ อาลี บิน นาสเซอร์ ที่ปล่อยให้ มาราโดน่า
เอามือปัดบอลเข้าประตูในเกมฟุตบอลโลกปี 1986 ที่ อาร์เจนตินา ชนะ อังกฤษ 2-1 ก่อให้เกิดประเด็นในสังคมฟุตบอลขึ้นมากมาย ส่วนหนึ่งบอกว่า มาราโดน่า นั้นเป็นพวกขี้โกง บางส่วนบอกว่าเป็นการชิงเหลี่ยมที่ฉลาดหลักแหลม และแน่นอนว่าอีกส่วนหนึ่งคือการบอกว่ากรรมการในวันนั้นรับเงินใต้โต๊ะ จะมีจริงหรือไม่อย่างไรไม่ทราบได้ แต่การจะได้เป็นผู้ตัดสินในระดับฟุตบอลโลกนั้นไม่ใช่เรื่องที่ทำกันง่าย ๆ เพราะผู้ตัดสินคนนั้นจะต้องอยู่ในระดับ ฟีฟ่า อีลิท (FIFA Elite)
ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเท่านั้น โดยจะต้องได้รับเลือกจากทางสมาคมฟุตบอลของประเทศที่สังกัด ส่งชื่อเป็นผู้ตัดสินฟีฟ่าเสียก่อน จากนั้น จะต้องสอบกับทางฟีฟ่า โดยแต่ละประเทศจะมีสิทธิ์ส่งสอบปีละ 2 คน ซึ่งต้องสอบให้ผ่านเท่านั้นถึงจะได้เลื่อนชั้นเป็นผู้ตัดสิน ฟีฟ่า อีลิท เท่านั้นยังไม่พอ ต่อให้สอบผ่านแล้วก็ยังต้องได้รับการพิจารณาจาก ฟีฟ่า อีก 1 ขั้น เพราะต้องมีการเกลี่ยโควต้าของแต่ละทวีปของทีมผู้ตัดสิน (ผู้ตัดสิน 1 คน ผู้ช่วยผู้ตัดสิน 2 คน รวมเป็น 3 คน)
ได้ทั้งหมดกี่ทีม จุดของการพิจาณาตรงนี้ ฟีฟ่า จะเน้นไปที่ผลงารการตัดสินของกรรมการแต่ละคนในการแข่งขันที่ผ่าน ๆ มา (ที่ ฟีฟ่า รับรอง) นั่นเอง ขั้นตอนมากมายในการคัดเลือกกรรมการแต่ละคน แสดงให้เห็นว่ากว่าจะได้มาเป่าฟุตบอลโลกนั้นไม่ใช่งานง่าย ซึ่งการที่ อาลี บิน นาสเซอร์ มาถึงจุดนี้ได้ ก็ต้องยอมรับว่าผลงานที่ผ่านมาของเขาเข้าตากรรมการอย่างฟีฟ่าแบบจัง ๆ และเหนือสิ่งอื่นใด คือการลงเป่าในเกมที่ อาร์เจนตินา พบกับ อังกฤษ นั้น ฟีฟ่า
จะต้องคัดคนที่มั่นใจว่าเอาเกมอยู่ เพราะก่อนที่จะลงสนามดวลกัน ทั้ง อังกฤษ และ อาร์เจนตินา มีปัญหาข้อพิพาทอย่างรุนแรงจากการแย่งชิงพื้นที่ในหมู่เกาะฟอล์คแลนด์ จนทำให้เกิดสงครามระหว่างประเทศ ซึ่งแน่นอน ฟุตบอลก็เป็นอีกสนามสงครามที่จะเดือดไม่แพ้กัน “ชาวอาร์เจนตินาไม่รู้ว่าพวกทหารทำอะไรกันอยู่ มีแต่การโฆษณาว่าเราคือผู้ชนะในสงคราม แต่ความเป็นจริงเหมือนกับว่าอังกฤษชนะเรา 20-0 ด้วยซ้ำ หลายคนบอกว่าอย่าเอากีฬามาปนกับสงคราม
แต่นั่นมันแค่คำพูดโลกสวยเท่านั้นแหละ” นี่คือส่วนหนึ่งที่ มาราโดน่า เปิดเผยถึงความคิดของเขาก่อนที่เกมดังกล่าวจะเริ่มขึ้น ที่พอจะบอกได้ว่าเกมนี้เดือดแน่นอน สำหรับ บิน นาสเซอร์ นั้น เก็บชั่วโมงบินและเป็นผู้ตัดสินที่ได้รับการรับรองจากฟีฟ่า ในปี 1982 เขาเก็บประสบการณ์ในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกโซนแอฟริกาปี 1982 และ 1986, แอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ รอบสุดท้ายในปี 1984 และฟุตบอลโลกระดับยู 20 ในปี 1985 ดังนั้นฟุตบอลโลก 1986 คือฟุตบอลโลกครั้ง
แรกของเขา และเมื่อพิจารณาของการเจอกันระหว่าง อาร์เจนตินา ที่มาจากโซนอเมริกาใต้ และ อังกฤษ ที่มาจากยุโรปนั้น จะดีที่สุดหากได้ผู้ตัดสินที่มาจากต่างทวีปของทั้ง 2 ชาติ ดังนั้นนั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมตำแหน่งกรรมการในเกมสำคัญนี้ตกมาถึง บิน นาสเซอร์ นั่นเอง สิ่งที่เกิดขึ้นจริงในวันนั้น การเจอกันระหว่าง อังกฤษ และ อาร์เจนตินา เกิดขึ้นในรอบ 8 ทีมสุดท้าย แน่นอนว่านี่คือการแข่งแบบแพ้คัดออก ไม่มีโอกาสให้ทั้งสองทีมแก้ตัวอีกแล้ว
และนั่นคือต้นเหตุของความโกลาหลที่ผู้ตัดสินผู้ไร้ประสบการณ์ในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายอย่าง บิน นาสเซอร์ ต้องพยายามตื่นตัวและมีสมาธิกับเกมตลอดเวลา กรรมการชาวตูนิเซียเล่าว่า ก่อนที่จะลงตัดสินเกม มีการบรีฟมาโดยละเอียดว่าเขาจะต้องจับตาดูผู้เล่นอย่าง มาราโดน่า ให้ดี เพราะนักเตะคนนี้เก่งที่สุดในโลก และเป็นส่วนผสมของความเก่งกาจในสนาม กับความร้ายกาจของลักษณะนิสัย เขาบอกเล่าแบบนั้นจริง ๆ แต่คำถามคือทำไมเขาจึงปล่อยให้ลูกยิงหัตถ์
พระเจ้าเกิดขึ้น ทั้ง ๆ ที่ทั้งโลกต่างก็เห็นว่ามันเป็นการแฮนด์บอล นักเตะอังกฤษทั้งสนามบอกว่ามีแค่กรรมการอย่าง บิน นาสเซอร์ เท่านั้นที่ไม่เห็น “เราทุกคนเห็นมันเต็มสองตานั่นแหละ แม้กระทั่งพวกที่นั่งอยู่บนม้านั่งสำรองและก็โค้ชของเราด้วย มันชัดเจนที่สุด ดังนั้นไม่มีใครอยากจะเชื่อว่า ผู้ตัดสินไม่เห็นว่ามันโดนแขนของ มาราโดน่า” จอห์น บาร์นส์ นักเตะตำแหน่งปีกของอังกฤษชุดนั้นกล่าว ขณะที่ บ็อบบี้ ร็อบสัน กุนซือของอังกฤษเป็นคนที่หัวเสียที่สุด เขาบอกว่านี่
ไม่ใช่หัตถ์พระเจ้า แต่เป็นแขนของไอ้พวกขี้โกงต่างหาก มันคือการโกงอย่างตั้งใจ และทำให้ มาราโดน่า เสื่อมเกียรติในมุมมองของ ร็อบสัน “พระเจ้าไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้แม้แต่นิดเดียว มาราโดน่า ด้อยค่าลงในสายตาของผมจากวันนั้นและตลอดไป” ปู่บ็อบผู้ล่วงลับกล่าวไว้ กลับมาที่ บิน นาสเซอร์ อีกครั้ง คำถามคือเขาไม่เห็นลูกหัตถ์พระเจ้าจริงหรือ นั่นคือสิ่งที่คนอยากฟังคำตอบ ซึ่งเจ้าตัวเอามาพูดภายหลังว่าเกิดอะไรขึ้นในเกมวันนั้น
ทำไมเขาจึงปล่อยให้ลูกนั้นเป็นประตูไป หากสรุปให้เข้าใจในประโยคเดียวคือ “ผมไม่เห็นจริง ๆ” ทว่ามีสิ่งที่สามารถขยายความประโยคนี้ได้มากมาย และนั่นทำให้มันเป็นประตูที่คลาสสิกที่สุดในฐานะกรรมการฟุตบอลของเขา “ผมยังจำสิ่งที่เกิดวันนั้นได้ดีมาก ๆ ผมเห็น สตีฟ ฮอดจ์ สกัดบอลย้อยกลับหลัง และจากนั้น มาราโดน่า ก็ลอยตัวกลางอากาศ แต่ที่เห็นหลังจากนั้นคือเขาและ (ปีเตอร์) ชิลตันหันหน้าไปในทิศทางที่ไม่ได้อยู่ในทัศนวิสัยของผม”
บิน นาสเซอร์ ยอมรับว่า “เขาไม่เห็น” ช่วงเวลาหลังจากที่บอลกลิ้งเข้าประตูไปอาจจะสั้นเพียงเสี้ยววินาที แต่เบื้องหลังที่ซ่อนอยู่นั้นเอามาเล่าได้เป็นชั่วโมง ๆ มันเหมือนกับเหตุการณ์ บัตเตอร์ฟลาย เอฟเฟ็คต์ (ทฤษฎีปีกผีเสื้อขยับ) ที่เมื่อมีเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น สิ่งต่าง ๆ จะเริ่มล้มเป็นโดมิโน่และส่งผลใหญ่โตเกินกว่าที่ใครจะคาดคิด จริง ๆ ถ้าเป่าแฮนด์บอลก็จบแล้ว แต่มันมีอะไรที่ซับซ้อนกว่านั้นเยอะ ระหว่างที่บอลเข้าประตูไป บิน นาสเซอร์ ที่ยอมรับว่าไม่เห็น
รีบมองหาตัวช่วยที่ดีที่สุดของเขานั้นคือ บ็อกดาน โดเชฟ ไลน์แมนชาวบัลแกเรีย สิ่งที่เขาต้องการจาก โดเชฟ คือ “บอกมาว่าแฮนด์หรือไม่ เพราะมุมของผมมันไม่ชัด” ซึ่งท่าทีของ โดเชฟ คือ “เฉยเมย” นั่นยิ่งทำให้ บิน นาสเซอร์ เลิ่กลั่กไปกันใหญ่เพราะเขาต้องตัดสินใจผ่านการวิเคราะห์ของตัวเองแล้ว
คลิ๊กเลย >>> https://www.ufabetwins.com/
อ่านข่าวเพิ่ม >>> บ้านผลบอล